นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ไตรมาส 2 ปี 2565 มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 162,716 หน่วย และมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 995,488 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนหน่วยและมูลค่าสูงที่สุดในช่วง 6 ไตรมาสที่ผ่านมา และมีการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าถึง 17.9% โดยมีการเพิ่มมากขึ้นในเกือบทุกประเภทที่อยู่อาศัย
การสำรวจยังพบว่า ประเภทบ้านมือสองที่มีการประกาศขายมากที่สุดได้แก่ บ้านเดี่ยว 64,392 หน่วย รองลงมาเป็นห้องชุด 49,250 หน่วย และทาวน์เฮาส์ 42,626 หน่วย โดยห้องชุด มีการขยายตัวสูงสุดถึง 21.1% รองลงมาเป็นอาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 19.9% ทาวน์เฮาส์ เพิ่มขึ้น 17.1% และบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น 16.6% ส่วนบ้านแฝด เพิ่มขึ้น 1.9%
สำหรับระดับราคาบ้านมือสอง ที่ประกาศขายมากที่สุดเป็นระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท รองลงมาเป็น 3.01-5 ล้านบาท และ 2.01-3.00 ล้านบาท ตามลำดับ แต่มีข้อสังเกตว่าราคาที่มีอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ามากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีการเปลี่ยนแปลง 56.1% รองลงมาคือ 1.01-1.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% และราคา 1.51-2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3%
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บ้านมือสองในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีการประกาศขายมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งให้สิทธิครอบคลุมมาถึงที่อยู่อาศัยมือสองด้วย และสอดคล้องกับความสามารถของผู้ซื้อลดลง